การเปลี่ยนแปลงการปกครอง
24 มิถุนายน พ.ศ. 2475
วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 หลังจากที่รัชกาลที่
7 ทรงครองราชย์ได้ 7 ปี
คณะผู้ก่อการซึ่งเรียกตัวเองว่า “คณะราษฎร” ประกอบด้วยทหารบก ทหารเรือ และพลเรือน จำนวน 99 คน
ได้ทำการยึดอำนาจ และเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช หรือ “ราชาธิปไตย” มาเป็นระบบการปกครองแบบ “ประชาธิปไตย” และได้อัญเชิญรัชกาลที่ 7 ขึ้นเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ นับได้ว่ารัชกาลที่ 7 ทรงเป็นกษัตริย์องค์แรกในระบอบประชาธิปไตย
สาเหตุของการปฏิวัติ
ด้านปัจจัยทางการเมือง การปฏิรูปบ้านเมืองและปฏิรูปการศึกษาในสมัยรัชกาลที่
5 ทำให้เกิดชนชั้นกลางที่เรียนรู้รูปแบบการเมืองการปกครองของชาติตะวันตก
ทำให้เห็นว่าการปกครองโดยคน ๆ
เดียวหรือสถาบันเดียวไม่อาจแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ทั้งหมด นอกจากนี้ชนชั้นกลางจำนวนมากไม่พอใจที่บรรดาเชื้อพระวงศ์ผูกขาดอำนาจการปกครองและการบริหารราชการ
กลุ่มคนรุ่นใหม่ต้องการให้มีการปกครองระบอบรัฐสภาและมีรัฐธรรมนูญ
บางกลุ่มต้องการให้มีการปกครองระบอบสาธารณรัฐ
ด้านปัจจัยทางเศรษฐกิจ ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำและการดุลข้าราชการออกจำนวนมากเพื่อตัดลดงบประมาณ
ทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ข้าราชการและประชาชนที่เดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจ
ทำให้เป็นสาเหตุหนึ่งที่คณะราษฎรใช้โจมตีการปกครองในระบอบ
สมบูรณาญาสิทธิราชย์
การยึดอำนาจในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475
เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 คณะราษฎรได้ใช้กลลวงนำทหารบกและทหารเรือมารวมตัวกันบริเวณรอบ
พระที่นั่งอนันตสมาคม ประมาณ 2,000 คน ตั้งแต่เวลาประมาณ 5
นาฬิกา โดยอ้างว่าเป็นการสวนสนาม จากนั้น นายพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนาได้อ่าน ประกาศคณะราษฎร ฉบับที่ 1 ณ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าเสมือนประกาศยึดอำนาจการปกครอง
ก่อนจะนำกำลังแยกย้ายไปปฏิบัติการต่อไป
เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ
พระองค์ได้เตรียมการเพื่อที่จะให้ประชาชน มีความพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยเลือกผู้ที่เห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง
แต่ก็ยังมิทันสำเร็จก็ถูกยึดอำนาจจากคณะราษฎรเสียก่อน โดยทรงให้ร่างรัฐธรรมนูญไว้ 2
ฉบับ เพื่อพิจารณาว่าเหมาะสมกับประเทศไทยหรือไม่
แต่ทั้งสองฉบับพระมหากษัตริย์ยังคงควบคุมดูแลอำนาจทั้งสามฝ่าย คือ นิติบัญญัติ
บริหาร ตุลาการ ซึ่งรัฐธรรมนูญที่รัชกาลที่ 7 จะพระราชทานทั้งสองฉบับนั้น
ฉบับแรกร่างโดยพระยากัลป์ยาณไมตรี (ดร. ฟรานซิส บี. แซร์) และฉบับที่สองชื่อ “An Outline of Changes in the Form of
Government” ร่างโดย
นายเรมอน บี. สตีเวนส์ และพระศรีวิศาลวาจา โดยทรงตั้งใจจะพระราชทานในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2475 แต่ อภิรัฐมนตรีสภาคัดค้านไม่ให้รัชกาลที่ 7
พระราชทานทั้งสองฉบับ
การเปลี่ยนแปลงการปกครองมีผู้ดำเนินการปฏิวัติ เรียกว่า “คณะราษฎร” (จำนวน 99 คน)
โดยแบ่งผู้นำเป็น 2 ฝ่าย คือ
·
ฝ่ายทหาร นำโดย พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน)
ฝ่ายพลเรือน นำโดย หลวงประดิษฐ์มนูธรรม
การดำเนินงานทำกันอย่างรอบคอบ เพราะเกรงว่าจะล้มเหลวเหมือนคราวกบฎ ร.ศ. 130
โดยมีการรวมตัวครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2470 ประชุมกันที่หอพักกรุงปารีส
ฝรั่งเศส
มีมติให้นายปรีดี พนมยงค์ เป็นหัวหน้าคณะราษฎร
การยึดอำนาจ
การปกครองของคณะราษฎร สามารถกระทำได้สำเร็จในเช้าวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 โดยคณะราษฎรได้เชิญพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นผู้ใหญ่
และข้าราชการซึ่งเป็นที่นับถือของประชาชนมาไว้เป็นตัวประกัน ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ครั้นพอเหตุการณ์สงบลงคณะราษฎร
จึงปล่อยข้าราชการและพระบรมวงศานุวงศ์ ทั้งนี้คณะราษฎร ได้เสนอหลัก 6 ประการ เป็นอุดมการณ์ในการปกครองประเทศไว้ ได้แก่
1. จะต้องรักษาความเป็นเอกราชทั้งหลาย เช่น เอกราชทางการเมือง การศาล การเศรษฐกิจของประเทศไว้อย่างมั่นคง
2. จะต้องรักษาความปลอดภัยในประเทศ โดยลดการประทุษร้ายต่อกันเพื่อให้ประชาชนไม่ต้องพะวงชีวิตและทรัพย์สมบัติของตน
3. ต้องรักษาความสุขสมบูรณ์ของราษฎรในด้านเศรษฐกิจ จะจัดวางโครงการเศรษฐกิจของชาติ
4. จะต้องให้ราษฎรได้สิทธิเสมอกันทางกฎหมาย
5. จะต้องให้ราษฎรได้มีเสรีภาพ อิสรภาพ โดยต้องเป็นเสรีภาพที่ไม่กระทบต่อสิทธิอันชอบธรรมของบุคคล
6. จะให้การศึกษาอย่างเต็มที่แก่ราษฎร
3. ต้องรักษาความสุขสมบูรณ์ของราษฎรในด้านเศรษฐกิจ จะจัดวางโครงการเศรษฐกิจของชาติ
4. จะต้องให้ราษฎรได้สิทธิเสมอกันทางกฎหมาย
5. จะต้องให้ราษฎรได้มีเสรีภาพ อิสรภาพ โดยต้องเป็นเสรีภาพที่ไม่กระทบต่อสิทธิอันชอบธรรมของบุคคล
6. จะให้การศึกษาอย่างเต็มที่แก่ราษฎร
ขณะนั้นรัชกาลที่ 7 เสด็จแปรพระราชฐานไปยังพระราชวังไกลกังวล หัวหิน
คณะราษฎรได้ส่งคนถือหนังสือไปกราบบังคมทูลให้ทรงยอมเป็นกษัตริย์ต่อไปแต่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ
ภายหลังจากมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ได้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรขึ้น
และเมื่อผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ
ถวายพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย
และได้มีพระราชพิธีพระราชทานรัฐธรรมนูญถาวรฉบับแรก ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475
แม้ว่าพระองค์จะมีพระราชประสงค์
และจุดมุ่งหมายให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย คือ
การให้อำนาจปกครองตนเองแก่ประชาชนมากขึ้น
แต่ทว่าพระองค์ไม่ทรงเห็นชอบด้วยกับหลักการและการกระทำของคณะราษฎรหลายประการ
ประกอบกับพระสุขภาพพลานามัยเกี่ยวกับสายพระเนตร
จึงตัดสินพระทัยเสด็จพระราชดำเนินไปยังประเทศอังกฤษเพื่อทรงเข้ารับการผ่าตัดพระเนตร
โดยเสด็จพระราชดำเนินพร้อมกับสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ออกจากพระนคร
เมื่อวันที่ 12
มกราคม พ.ศ. 2476
ต่อมาจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายใน เป็นสาเหตุให้พระองค์ทรงตัดสินพระราชหฤทัยสละราชสมบัติขณะประทับอยู่
ณ บ้านโนล แครนลี ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2477
และทรงประทับพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ณ
ประเทศอังกฤษนั้นเอง โดยมิได้เสด็จนิวัติประเทศไทยอีกเลย จนกระทั่งเสด็จสวรรคต
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2484 ด้วยโรคพระหทัยวาย
ขณะมีพระชนมายุ 48 พรรษา
อ้างอิง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น